ก่องข้าวและกระติบข้าว เป็นภาชนะในการเก็บอาหารที่ทรงคุณค่า
มากด้วยภูมิปัญญา เก็บความร้อนได้ดี ในขณะที่ยอมให้ไอน้ำระเหยออกไปได้
ทำให้ข้าวเหนียวที่บรรจุอยู่ภายในกระติบ หรือก่องข้าวไม่แฉะด้วยไอน้ำ
ต่างจากกระติกน้ำแข็ง (ที่ดูเหมือนจะถูกนำมาใช้แทน ก่องข้าว หรือ กระติบข้าว
ของพ่อค้าแม่ค้าขายข้าวเหนียวส้มตำในเมืองใหญ่) ที่จำเป็นต้องใช้ผ้าขาวบางรองอีกที
ก่อนบรรจุข้าวเหนียว ถึงกระนั้น เม็ดข้าวที่อยู่ชิดรอบขอบกระติกก็ยังคงแฉะอยู่ดี
ภูมิปัญญานี้มีเคล็ดลับอยู่ที่
การสานภาชนะเป็นสองชั้น ชั้นในสุดจะสานด้วยตอกให้มีความห่าง
(ช่องว่างระหว่างตอกสาน) เล็กน้อย
เพื่อให้ไอน้ำระเหยออกจากข้าวไปสู่ช่องว่างภายในก่อง หรือกระติบข้าวได้
ในขณะที่ชั้นนอกสุดจะสานด้วยตอกที่มีความชิดแน่นหนากว่า เพื่อเก็บกักความร้อนไว้
ไอน้ำที่มีความร้อนอยู่ภายในช่องว่างนี้ จะช่วยทำให้ข้าวเหนียวที่อยู่ภายในกระติบ
หรือก่องข้าว ยังคงความร้อนได้อีกนาน โดยเมล็ดข้าวจะไม่มีไอน้ำเกาะ
จึงไม่แฉะเหมือนกับการบรรจุในภาชนะพลาสติกยุคใหม่
ในกรณีของกระติบข้าว จะเห็นว่าฝาปิด
และตัวกระติบจะมีลักษณะที่เหมือนกัน เพียงแต่มีขนาดที่ต่างกันเล็กน้อย
ให้สามารถสวมใส่กันได้พอดี ในส่วนตัวกระติบจะมีฐานรองทำจากก้านตาล ขดเป็นวงกลม
มีขนาดเล็กกว่าตัวกระติบเล็กน้อย ยึดด้วยหวายให้ติดกับตัวกระติบ
(ปัจจุบันนี้ใช้เชือกไนล่อน เพราะหาง่ายราคาถูกกว่า)
ด้วยเทคนิคการสานจากภูมิปัญญาไทยนี้
ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่ยอมรับ และยังคงอยู่ตลอดมา สร้างรายได้ให้กับชุมชนในการสร้างงาน
และยังสืบสานความรู้ของการจักสานไว้
ก่องข้าว (ก่องเข้า)
ชื่อสามัญ กล่องข้าว
ประวัติความเป็นมา ข้าวเหนียวเป็นข้าวพันธุ์ดังเดิมเก่าแก่ที่มีในดินแดนประเทศไทยก่อนที่จะมีพันธุ์ข้าวเจ้า
ดังปรากฏว่านักโบราณคดีพบเมล็ดข้าวในก้อนอิฐที่เป็นโบราณสถานเก่าแก่
เช่น องค์พระประโทน เป็นต้น เนื่องจากชาวอีสานนิยมบริโภคข้าวเหนียว
จึงมีการนำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วใส่ภาชนะให้เก็บความร้อนไว้นาน
ๆ และยังสามารถนำติดตัวไปในที่ต่าง
ๆ อย่างสะดวก
วัสดุ อุปกรณ์ มีดังนี้
- ใบตาลตากแห้ง
- มีด ,กรรไกร
- น้ำ
- เข็ม
วิธีทำ
1 นำใบตาลมาฉีกเป็นก้านและใบออกจากกัน ตัดหัวและท้ายให้เป็นมุมแหลม
2 นำใบตาลมาสานทับกัน จะใช้ใบตาล 10,12 เส้น
แล้วใช้เข็มกลัดกลัดตรมุมทั้ง 4 มุมเพื่อไม่ให้หลุด
3
นำสองเส้นตรงกลางมาวางซ้อนกันให้เป็นเหลี่ยม
เพื่อเป็นฐานทั้ง 4 ด้าน
4
เอาเข็มที่กลัดออกแล้วสานทับกันขึ้นมา 3-4 ตา
5 สานด้านข้างขึ้นมาให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม
6ใช้ก้านใบตาลที่แยกไว้มารัดเพื่อเป็นขอบก่องข้าว แล้วสานย้อนกลับมา จนฐานพอแข็งแรง
7 สานฝาโดยใช้วิธีเดียวกับตัวก่องข้าว
แต่มีความสูงน้อยกว่าตัว 1-2 ตา
8นำไปตากแดดให้แห้งพอดี
เสร็จแล้วสามารถนำมาใช้ได้
*หมายเหตุ ในระหว่างที่สานให้พรมน้ำไปด้วย เพื่อไม่ให้ใบตาลแห้ง
ที่มา : http://www.isangate.com/local/kratib_kao_01.html
http://www.pongrang.com/web/data/a4/04/ravival.snru.ac.th/pompanya/p-1.html
ที่มา : http://www.isangate.com/local/kratib_kao_01.html
http://www.pongrang.com/web/data/a4/04/ravival.snru.ac.th/pompanya/p-1.html
.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น